15 September 2010

เตือนส่งออกรับมือ คาด"บาทแข็ง"อาจลากยาวถึง 2 ปี เหตุ"ทุนนอก"แห่ไหลเข้าเอเชียต่อเนื่อง



เวทีสัมมนา"รุ่งหรือร่วง เศรษฐกิจไทยปี’54 "ณรงค์ชัย อัครเศรณี" เตือนปัจจัยเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนรุนแรง เชื่อธปท.ไม่นำมาตรการกันสำรอง 30% ออกมาใช้ ด้าน"ศุภวุฒิ สายเชื้อ"เห็นต่างคาดต้องออกมาตการสกัด ชี้ทุนนอกยังแห่ไหลเข้าเอเชียต่อเนื่อง ดันบาทแข็งลากยาวถึง2ปี


เมื่อวันที่ 14 กันยายน นายณรงค์ชัย อัครเศรณี กรรมการคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ปาฐกถาพิเศษเรื่อง ทิศทางเศรษฐกิจไทย ปี 2554 ในงานสัมมนาเรื่อง "รุ่งหรือร่วง เศรษฐกิจไทยปี’54" ว่า ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 2554จะเติบโตประมาณ 4-5% จากปี 2553 ที่คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 7% แต่มีปัจจัยเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนและการเคลื่อนย้าย เงินทุน จะมีความผันผวนรุนแรงมาก
นายณรงค์ชัยกล่าวว่า แม้เงินบาทจะแข็งค่ามากขึ้น แต่เชื่อว่าคงไม่มีการนำมาตรการกันสำรอง 30% ออกมาใช้แน่นอน เพราะไม่ได้ส่งผลดีต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหาเห็นว่าจะต้องมีการเปลี่ยนนโยบายการบริหารเงินตรา ต่างประเทศ โดยเปิดให้รัฐวิสาหกิจลงทุนต่างประเทศได้ รวมถึงนำเงินสำรองบางส่วนออกมาใช้ ด้านแนวโน้มเงินบาทนั้นคาดว่ายังแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะอยู่ในระดับเท่าใด
นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธปท.คงต้องมีมาตรการควบคุมการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติ เพราะมีแนวโน้มว่าเงินทุนจะไหลเข้าเอเชียรวมทั้งไทยต่อเนื่องถึง 2 ปี เพราะทางธนาคารกลางสหรัฐและยุโรปมีนโยบายชัดเจนจะลดอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ ใกล้ระดับ 0% เป็นเวลาถึง 2 ปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จะทำให้เงินทุนไหลเข้าในเอเชียที่มีดอกเบี้ยสูงกว่า ทำให้ค่าเงินบาทจะยังคงแข็งค่าขึ้นรวดเร็ว และต่อเนื่องยาวนานตามไปด้วย
"เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องอาจทำให้ไทยขาดดุลการค้า จากปัจจุบันที่เกินดุลการค้า เพราะเริ่มส่งออกได้น้อยลงจากราคาสินค้าที่แพงขึ้น รวมทั้งทำให้เศรษฐกิจไทยปี 2554 ลดความร้อนแรงหรือเติบโตน้อยลงไปด้วย"
นายศุภวุฒิกล่าวว่า ธปท.คงไม่สามารถปรับขึ้นดอกเบี้ยได้เร็วเพื่อรับกับเศรษฐกิจที่โตขึ้น หากไม่ทำอะไรจะทำให้คุมเงินเฟ้อไม่อยู่ เป็นผลเสียในระยะยาวที่จะเสี่ยงต่อการเกิดฟองสบู่จากภาวะเศรษฐกิจร้อนแรง ดังนั้นจึงต้องมาดูเรื่องค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าขึ้นเร็วเกินไป เพื่อช่วยให้เงินเฟ้อและเศรษฐกิจมีเสถียรภาพมากขึ้น
นักค้าเงินจากธนาคารพาณิย์รายงานการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทวันที่ 14 กันยายน ว่า เปิดตลาดที่ระดับ 30.75-30.77 บาทต่อดอลลาร์ ใกล้เคียงกับอัตราปิดตลาดวันก่อนหน้า ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ และมีการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนรอดูท่าทีรัฐบาลว่าจะมีมาตรการอะไรออกมาดูแลค่าเงิน โดยค่าเงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 30.77-30.79 บาทต่อดอลลาร์

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 09:15:43 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์



Sponsor