25 September 2010

แห่ลงทุน"นาฬิกา- ศิลปะ-ไวน์" ตลาดโตมโหฬารล้านล้านเหรียญ



จับกระแสฮอตนักลงทุนแห่ลงทุน"นาฬิกา- ศิลปะ-ไวน์"วงการเซียนเผยมูลค่าผลตอบแทนแรงกว่าหุ้น แนวโน้มมีแต่ขึ้น แต่ต้องฉลาดเลือก ชี้มูลค่าตลาดศิลปะ 1 ล้านล้านเหรียญ

ในงานเสวนาหัวข้อ Alternative Investment : การลงทุนในของสะสมมีค่า ของสมาคม วตท. (สถาบันวิทยาการตลาดทุน) โดยนักสะสมและนักลงทุนชื่อดังของเมืองไทย คือ ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ, ดร.วัลลภ วิมลวณิชย์ และนายไพบูลย์ นลินทรางกูล นับเป็นการเปิดเผยถึงกระแสการลงทุนทางเลือก (Alternative Investment) ที่นักลงทุนในยุคนี้พากันหันมาให้ความสนใจมากขึ้น

นายไพบูลย์ นลินทรางกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยว่า "ในโลกการลงทุนตอนนี้ การลงทุนทางเลือกเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากตลาดหุ้นโลกเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้น ทำให้การกระจายความเสี่ยงทำได้ยากขึ้น แม้แต่กับตลาดบอนด์ความสัมพันธ์ก็เริ่มมากขึ้น ส่งผลให้กลุ่มสินทรัพย์ที่ไม่ใช่การลงทุนโดยทั่วไปที่คนนิยมกัน (Non-Traditional Asset Classes) ได้รับความสนใจสูงขึ้นในระยะหลัง





"บางครั้งการลงทุนทางเลือกถูกใช้เป็น เครื่องมือเพื่อลดความเสี่ยงการลงทุนทั้งหมด โดยเป็นการกระจายความเสี่ยง ซึ่งลักษณะของการลงทุนทางเลือกอาจประกอบด้วย 1.มีความเกี่ยวข้องต่ำกับการลงทุนทั่วไป เช่น หุ้น, 2.อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนเป็นที่ต้องการของนักลงทุน, 3.การลงทุนทางเลือกอาจมีสภาพคล่องน้อย หากเทียบกับการลงทุนประเภทอื่น, 4.อาจยากที่จะประเมินมูลค่าสินทรัพย์นั้น ๆ ในตลาดปัจจุบัน, 5.อาจมีข้อมูลย้อนหลังจำกัดในแง่ของความเสี่ยงและผลตอบแทน, 6.ต้องมีการวิเคราะห์การลงทุนอย่างมากก่อนการซื้อ และ 7.ต้นทุนการซื้อและขายอาจสูงเมื่อเทียบกับการลงทุนประเภทอื่น"





ด้าน ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซีย พลัส จำกัด และนักสะสมนาฬิกา-งานศิลปะ กล่าวว่า หากจะนับผลตอบแทนย้อนหลังแล้ว ในแง่ของการลงทุนถือได้ว่าราคาของศิลปะมีการขึ้นแรง ตนเองแนะนำลูกค้าหลายคนว่างานศิลปะเป็นอะไรที่น่าลงทุน เพราะทั้งโลกมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ขนาดในช่วงก่อนวิกฤตต้มยำกุ้ง มีการเปลี่ยนมือในมูลค่าถึง 25-30 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี อาร์ตมาร์เก็ตจึงถือเป็นตลาดใหญ่ที่โตอย่างรวดเร็ว ซึ่งตอนนี้ความนิยมของตลาดอาร์ตจะหันมาสนใจงานแนวคอนเทมโพรารี่อาร์ตของ ศิลปินจีนกันมาก


"ปัจจุบันในพอร์ตการลงทุนของคอ ลเล็กเตอร์ส่วนใหญ่จะมีทั้งสินค้าลักเซอรี่, เพนติ้ง, เพชรพลอย และสปอร์ตอินเวสต์เมนต์ ซึ่งในตลาดเอเชียพบว่ามีการลงทุนในตลาดอาร์ตถึง 20 เปอร์เซ็นต์ เป็นอะไรที่น่าลงทุนมาก เพราะจะประคองตัวดีในเวลาที่มีภาวะเงินเฟ้อสูง"


นอกจากตลาดศิลปะแล้ว ยามนี้ตลาดการลงทุนยังได้ตื่นตัวกับกองทุนไวน์ ซึ่งเป็นการลงทุนทางเลือกที่เกิดขึ้นหลายกองทุนในทั่วโลกและเมืองไทยเองก็มี เช่นกัน นายไพบูลย์กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "ความสัมพันธ์ระหว่างตลาดการลงทุนในไวน์กับตลาดหุ้นไม่เหมือนกัน ตลาดไวน์มีรีเทิร์นดีมาก ที่ผ่านมาราคาในการลงทุนไวน์เพิ่ม 200 เปอร์เซ็นต์ในไวน์ 100 ตัวหลัก ซึ่ง 90 เปอร์เซ็นต์จะเป็นไวน์บอร์กโดซ์ ของฝรั่งเศส ในตลาดการลงทุนไวน์ 500 ตัว ขึ้นจาก 100 เป็น 200 กว่า ซึ่งตลาดนี้ 60 เปอร์เซ็นต์ เป็นไวน์จากบอร์กโดซ์ ฝรั่งเศสเช่นกัน นี่เองทำให้ตลาดไวน์มีความน่าสนใจมาก"


"ในบลูชิพอินเด็กซ์ 5 ตัวแรก (ไม่เกิน 15 ปี) ราคาขึ้นจาก 100 เป็น 350 ซึ่งการลงทุนแบบนี้แม้จะให้ผลตอบแทนสูง แต่ยากตรงที่จะต้องหาที่เก็บอย่างถูกวิธี และมีการรับรองที่ได้มาตรฐาน โดยวิธีการลงทุนจะต้องซื้อไวน์ยกเคสคือ 12 ขวดขึ้นไป ไม่เช่นนั้นจะเทรดไม่ได้ ราคาขึ้นลงได้เหมือนกัน แต่ถือว่าสนุกสนาน ตอนนี้จึงมีกองทุนไวน์เกิดขึ้นเยอะ เพราะมีเพอร์ฟอร์เมนต์ที่ดี อย่างใน The vintage wine fund ก็มีการลงทุนกันเยอะ โดยมีเงิน 4 ล้านบาทก็ซื้อได้แล้ว"



นายไพบูลย์ยังกล่าวอีกว่า "ตลาดการลงทุนทางเลือกมีหลายประเภทมาก ทั้งอาร์ต แสตมป์ นาฬิกา แต่พวกนี้ขนาดตลาดไม่ใหญ่ ขณะที่ไวน์กำลังเป็นตลาดที่มาแรง วิเคราะห์ง่าย ทำให้คนออกมาตั้ง fund กันเยอะในเมืองนอก แต่เมืองไทยคงต้องใช้ระยะเวลา"


ขณะที่ ดร.วัลลภกล่าวแสดงความคิดเห็นถึงการลงทุนในตลาดทางเลือกเหล่านี้ว่า การลงทุนในตลาดพวกนี้ต้องเข้าใจเหมือนกันว่า ราคาอาจมีการขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจ ผู้ซื้อเองต้องมีวิธีการเลือก การวิเคราะห์ที่ดี อย่างตนเองตอนนี้ก็ลงทุนในไวน์ นาฬิกา พระ ฯลฯ เป็นการลงทุนในสิ่งที่เราชอบ และทำให้ได้ผลตอบแทนที่ดีด้วย


วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553
เวลา 18:05:47 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

Sponsor