27 January 2011

ต่างชาติขายทิ้งหุ้นไทย ไม่สนแม้ปัจจัยพื้นฐานดี

การ ปรับตัวลงของดัชนีช่วงที่ผ่านมา เกิดจากโครงสร้างรูปแบบ Double Top อย่างชัดเจน การทดสอบไม่ผ่านแนวต้าน 1,055-1,056 ทำให้เกิดแรงขายอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความกังวลใจของนักลงทุนต่างชาติเกี่ยวกับมาตรการคุมเข้มทางการเงิน ของจีนที่มุ่งให้เศรษฐกิจและภาวะเงินเฟ้อลดลงนั้น อาจส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ นักลงทุนต่างชาติจึงขายสุทธิต่อเนื่องในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปี 2.5 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ดัชนีปรับ ต่ำกว่าระดับ 1,000 ลงมา ถึงแม้ว่าการวิเคราะห์ด้านพื้นฐานในหุ้นรายหลักทรัพย์ยังไม่ได้มีการปรับใน เชิงลบ รวมทั้ง ธปท. ประมาณการแนวโน้ม GDP ปี 2554-2555 ว่าจะขยายตัวที่ 3-5% ก็ตาม

แรงขายดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลง ทดสอบฐานแนวรับหรือสร้างกรอบการแกว่งตัว 960-980 อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามการปรับตัวลงแรงและระดับดัชนีอยู่ห่าง SMA 5 วัน (วิเคราะห์ในวันที่ 24 ม.ค. 54) 1,005 จุด โอกาสในการกลับตัวขึ้นทางเทคนิคมีแนวโน้มเกิดขึ้นได้มาก ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน หรือ SMA 5 วันทำให้ที่เป็นเส้นแนวต้านขาลง ดัชนียังคงอยู่ภายใต้อิทธิพลของขาลงดังกล่าวตามรูปแบบทางเทคนิค การไม่ผ่านยืนระดับ 1,000 จุดจึงเปรียบเสมือนว่าการปรับตัวยังไม่สิ้นสุด



ทางฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็กได้วิเคราะห์หลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงและมีส่วนต่างของราคาพื้นฐาน หรือ upside สูงไว้ ดังนี้

BANPU แนะนำ "ซื้อ" โดยมีราคาเป้าหมายปี"53 ที่ 860 บาท : เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมในปี"54 ด้วยวิธี P/E Ratio โดยอิง Prospective P/E ที่ 13 เท่า และ EPS ของปี"54 ที่ 66.1 บาทต่อหุ้น จะได้ราคาเหมาะสมปี"54 ที่ 860 บาท ณ ราคา 760 มี upside 13.10% ด้านเทคนิคมีแนวรับ754-750 เป็นจุดซื้อเก็งกำไรเมื่อยืนเหนือแนวต้าน 775/800

PTT แนะนำ "ซื้อ" โดยมีราคาเป้าหมายปี"54 ที่ 375 บาท : เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมของ PTT ในปี"54 ด้วยวิธี P/E Ratio โดยอิง Prospective P/E ที่ 12 เท่า และคาดการณ์ EPS ในปี"54 ที่ 31.24 บาท จะได้ราคาเหมาะสมที่ 375 บาท ณ ราคา 330 มี upside 13.63%

KBANK กำไรสุทธิในปี"53 จำนวน 2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากปี"52 จากการเติบโตของสินเชื่อ 14% ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรสุทธิในปี"54 จะเติบโตต่อเนื่องอีกราว 17% เป็น 2.3 หมื่นล้านบาท โดยเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานของ KBANK ในการมีสัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมต่ำที่สุดในกลุ่มธนาคารขนาด ใหญ่ ทำให้เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 163 บาท ณ ราคา 113 มี upside 44.24%

SCB รายงานกำไรสุทธิทั้งปี"53 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% สินเชื่อเติบโต 12.6% จากปลายปี"52 ส่วนต่าง ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) เพิ่มขึ้นเป็น 3.6% ขณะที่คุณภาพของสินทรัพย์ปรับดีขึ้น สำหรับปี"54 เราประมาณกำไรสุทธิว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนอีกราว 6% เป็น 2.57 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้เรายังมีมุมมองที่ดีต่อปัจจัยพื้นฐานของ SCB จากการเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่จะได้ประโยชน์ จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เราจึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 128 บาท ณ ราคา 96 มี upside 33.33%

TOP เป็นโรงกลั่นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์มากจากการปรับโครงสร้างราคา LPG ใหม่เพราะมีกำลังการผลิต สูงสุด ปัจจุบัน TOP ผลิต LPG ได้ 18,000 ตัน/เดือน และเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 18,000 ตัน/เดือน ซึ่งจะทำให้ TOP มีรายได้เพิ่มขึ้นจาก 180 เป็น 700 ล้านบาท/ เดือน ส่วนผลประกอบการรวมเราคาดกำไรสุทธิปี"53 ประมาณ 8,125 ล้านบาท ลดลง 25% yoy แต่คาดว่าจะกลับมาเติบโตในปีนี้โดยเราคาดกำไรสุทธิในปี"54 ประมาณ 11,190 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% yoy แนะนำซื้อราคาเหมาะสมทางพื้นฐาน 82 ณ ราคา 71.25 มี upside 15.08%


วันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 34 ฉบับที่ 4283 ประชาชาติธุรกิจ

Sponsor