26 January 2011

มาร์เก็ตแคปวูบ 5.7 หมื่นล้าน ต่างชาติทุบหุ้นไทยฉุดต่ำสุดรอบ 4 เดือน

ตลาดหุ้นไทยร่วงต่ำสุดรอบ 4 เดือน ฉุดมูลค่าตลาดร่วง 5.7 หมื่นล้าน ต่างชาติเหลือยอดซื้อสะสมแค่ 1 หมื่นกว่าล้านบาท ด้าน ตลท.ชี้นักลงทุนนอกเทขาย เหตุผวาเงินเฟ้อกดดัน-ไล่ขายทิ้งตลาดหุ้นเกิดใหม่ "เครดิตสวิส"ชี้ตลาดขาลงเป็นจังหวะซื้อ เชื่อยังมีข่าวกำไร บจ.หนุน

ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา เกิดความผันผวนสูงนับตั้งแต่ต้นปี ดัชนีปรับตัวลง 7.9% หรือ 83.24 จุดจาก 1,042.41 จุด (4 ม.ค.) ลงมาอยู่ที่ 959.17 จุด (25 ม.ค.) ซึ่งลดลงต่ำสุดในรอบ 4 เดือน นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2553 ขณะที่มูลค่าราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) ลดลง 5.7 หมื่นล้านบาท จากสิ้นปีก่อนที่อยู่ 8.33 ล้านล้านบาท ปัจจุบัน(25 ม.ค.) เหลืออยู่ที่ 7.761 ล้านล้านบาท



นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการกลุ่มงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า หากนับยอดซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติที่สะสมมาตั้งแต่หลังเหตุการณ์การ เมืองไทยสงบ (16 มิ.ย. 53) จนถึงสิ้นปี�53 มียอดสะสม 100,000 ล้านบาท หากหักยอดซื้อรายการบิ๊กลอต (ถือเป็นการร่วมทุน) ของนักลงทุนต่างชาติ ที่มีจำนวน 47,000 ล้านบาท ซึ่งไม่ใช่เป็นการซื้อขายรายวัน และหักยอดขายสุทธิของต้นปีนี้ ที่มีอยู่ประมาณ 30,000 ล้านบาท จะทำให้ขณะนี้ยอดซื้อสุทธิของต่างชาติเหลืออยู่ประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท จึงเชื่อว่าแรงขายของนักลงทุนต่างชาติเหลืออีกไม่มากแล้ว



ทั้งนี้ เม็ดเงินต่างชาติที่เข้ามาซื้อเพื่อร่วมทุน ที่เป็นรายการบิ๊กลอตเมื่อช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้ว จะมี 4 บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ได้แก่ บมจ.ปตท.เคมิคอล (PTTCH), บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC), บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) และ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH)



อย่างไรก็ตาม การเทขายทำกำไรของต่างชาติในรอบนี้ เนื่องจากมีความกังวลต่อปัจจัยเงินเฟ้อในหลายประเทศแถบเอเชีย โดยมีข้อน่าสังเกตว่า การเทขายครั้งนี้ มีหุ้นกลุ่มธุรกิจเกษตรและอาหารที่ปรับตัวลง 8% ทั้ง ๆ ที่เป็นกลุ่มหุ้นที่ควรจะได้รับอานิสงส์การปรับราคาสินค้าขึ้นจากปัญหาเงิน เฟ้อ จึงมองว่าการเทขายของนักลงทุนต่างชาติในรอบนี้ไม่ได้สอดคล้องกับปัจจัยพื้น ฐาน อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าปัญหาเงินเฟ้อที่กดดันตลาดหุ้นอยู่ในปัจจุบัน ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะสามารถดูแลผ่านนโยบายการเงินได้ แต่ก็ยังมีปัญหาการเมืองในไทย ที่เป็นอีกประเทศที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติเทขายหนักในรอบนี้เช่นกัน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ไล่ขายหุ้นในตลาดหุ้นเกิดใหม่ไปแล้ว



รายงานข่าวบนเว็บไซต์บลูมเบิร์กดอทคอมระบุว่า เครดิตสวิสกรุ๊ปเอจีแนะนำนักลงทุน "ซื้อ" หุ้นไทย เนื่องจากดัชนีปรับลดลงมากที่สุด นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2553 และคาดการณ์ว่าแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะยังคงออกมาดี และเป็นปัจจัยกระตุ้นภาวะกระทิง


สำหรับประเด็นการเมืองไทยในปีนี้ค่อนข้างดีกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่าการยุบสภาน่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม ซึ่งซีกรัฐบาลน่าจะสร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนด้วยการชนะการเลือกตั้ง ขณะที่สถานการณ์ชุมนุมไม่น่าจะบานปลาย จึงเป็นเหตุผลที่ว่าควรถือหุ้นมากกว่าที่จะเทขาย

วันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2554 เวลา 09:15:19 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

Sponsor