24 February 2011

ปาล์มวางเต็มแผง

ไม่พบกักตุนในห้างใหญ่‘หญิงหน่อย’อัดปั่นราคา

"เทพเทือก" โล่ง ปัญหาขาดแคลนน้ำมันปาล์มเริ่มคลี่คลายทยอยออกสู่ตลาด หลังสรุปแก้ปัญหาวันเดียวพรึบ เรียงเต็มชั้นวางของห้างดัง กระทรวงพาณิชย์ก็เด้งรับ เปิดประมูลซื้อน้ำมันปาล์มกึ่งสำเร็จรูป 3 หมื่นตันลุล่วง แถมได้ราคา ถูกกว่าที่เคยซื้อรอบแรก ส่วนดีเอสไอลุยตรวจบิ๊กซี-โลตัส ไม่พบกักตุน เร่งตรวจค้นโรงงานน้ำมันปาล์มที่อยู่ในข่ายกักตุน ก่อนสรุปผลการตรวจสอบเสนอนายกฯ "สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์" โยนรัฐบาลต้องรับผิดชอบปัญหาปาล์ม โวยปั่นราคาเองแก้เองด้วยเงินภาษีของประชาชน

หลังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ เรียกประชุมทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำมันปาล์ม จนได้ผลสรุปให้กระทรวงพลังงานส่งปาล์มดิบที่สต๊อกไว้ผลิตไบโอดีเซลให้โรง กลั่นผลิตน้ำมันปาล์ม 11 ล้านขวด ภายใน 3 วัน และให้สมาคมโรงกลั่นนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มอีก 3 หมื่นตัน ความคืบหน้าเมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 23 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ เผยว่า ข้อสรุปของที่ประชุมคณะกรรมการปาล์มน้ำมันแห่งชาติ เมื่อวันที่ 22 ก.พ. เป็นประโยชน์กับประเทศและประชาชนมากที่สุดแล้ว วันนี้จะมีการประมูลซื้อน้ำมัน 3 หมื่นตัน โดยให้เอกชนเป็นผู้ซื้อเองแต่มีองค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้ควบคุม ซึ่งตนได้สั่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งเจ้าหน้าที่ไปนั่งดูการประมูลด้วย เพื่อจะได้เป็นประโยชน์สำหรับการสืบสวนดำเนินคดีที่ได้รับมอบหมายไปก่อนแล้ว

ผู้ สื่อข่าวถามว่า หากวันนี้ประชาชนไปซื้อน้ำมันไม่ได้ในราคาลิตรละ 47 บาท จะดำเนินการอย่างไร สามารถเอาผิดกับผู้ขายได้หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า "ใครที่ขายเกินผมก็จับ ไม่มีประนีประนอม ใครทำผิดแนวทางจับได้เลย เมื่อวานก็ซักซ้อมกับดีเอสไอในที่ประชุมคณะกรรมการฯ แล้ว" นายสุเทพกล่าวและว่า เชื่อว่าการแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้จะทำให้การแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันหมดไป ประชาชนมั่นใจได้ว่ามีน้ำมันบริโภคแน่นอน ส่วนน้ำมันใหม่จะเริ่มออกได้ภายใน 3 วัน โดยจะเป็นฝาสีชมพู แต่น้ำมันฝาสีฟ้าก็ยังมีจำหน่ายอยู่ ประชาชนไม่ต้องแตกตื่นหรือตกใจว่าน้ำมันจะขาด ตนจะติดตามดูแลให้

ด้าน นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า จะเร่งกระจายน้ำมันปาล์มฝาจุกสีฟ้าที่เหลืออีก 5.8 ล้านขวด ออกขายให้ประชาชนแบบไม่จำกัดราคาขวดละ 47 บาท จึงขอให้ทุกฝ่ายอย่ากักตุนและประชาชนไม่ต้องตื่นตระหนก เพราะมีสินค้าจำหน่ายเพียงพอต่อความต้องการแน่นอน ส่วนน้ำมันปาล์มรอบใหม่ 45,000 ตัน กระทรวงพาณิชย์จะเปลี่ยนฝาจุกจากสีฟ้าเป็นสีชมพูเพื่อง่ายต่อการตรวจสอบ และจะผลิตออกเป็นน้ำมันปาล์มจำหน่ายได้ถึง 30 ล้านขวด

ขณะที่นาง วัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 23 ก.พ. ได้ปรับวิธีกระจายน้ำมันปาล์มที่เหลือเกือบ 6 ล้านขวด ขายผ่านห้างสรรพสินค้า ขนาดใหญ่ ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคทั่วประเทศ แต่ระยะสั้น บางพื้นที่อาจมีปัญหาไม่เพียงพอเพราะอยู่ในช่วงขนส่ง แต่ประชาชนทั่วประเทศจะหาซื้อได้ปกติภายใน 2-3 วัน อีกทั้งในปลายสัปดาห์ยังมีการนำน้ำมันปาล์มในประเทศอีก 15,000 ตัน มาผลิตเพื่อบริโภค ส่งผลให้มีน้ำมันปาล์มขายในตลาดเพิ่มอีก 11 ล้านขวด ส่วนการนำเข้าน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์รอบ 2 อีก 120,000 ตัน คาดว่าจะนำเข้า 30,000 ตันแรกได้ภายใน 15 วัน สามารถผลิตได้ 22 ล้านขวด ขณะนี้ภาครัฐได้แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ เชื่อว่าหลังจากนี้การซื้อน้ำมันปาล์มจะมีความคล่องตัวมากขึ้น ประชาชนจึงไม่ควรซื้อเกินความต้องการ

ด้านนายอนุกูล แต้มประเสริฐ ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวภายหลังเปิดประมูลนำเข้าน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ 30,000 ตัน ตามมติของคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ว่า มีผู้เสนอราคา 8 ราย อคส.สามารถเจรจาต่อรองราคาจนได้ราคาสุดท้ายหรือเป็นราคาต่ำที่สุด ผู้ชนะคือ บริษัทวิลมาร์ เทรดดิ้ง จากสิงคโปร์ เสนอราคาขายตันละ 1,258 เหรียญสหรัฐฯ หรือกิโลกรัมละ 38.99 บาท จะขนส่งถึงไทยวันที่ 7 มี.ค.นี้ โดยโรงกลั่นที่ได้รับการจัดสรรทั้ง 10 แห่ง จะมารับน้ำมันปาล์มไปบรรจุขวดเพื่อกระจายไปยังผู้บริโภคต่อไป การนำเข้าครั้งนี้ถือเป็นการนำเข้ารอบ 2 หลังจากรอบแรกนำเข้าไปแล้ว 30,000 ตัน เมื่อปลายเดือน ม.ค. แต่เป็นราคาซื้อที่ต่ำกว่ารอบแรก โดยราคาเสนอซื้อขณะนั้นอยู่ที่ตันละ 1,289 เหรียญฯ หรือเฉลี่ย กก.ละ 39.57 บาท ทำให้ รัฐบาลจ่ายเงินชดเชยให้โรงกลั่นที่ได้รับการจัดสรรลดลงเฉลี่ย กก.ละ 1.80 บาท หรือใช้งบทั้งสิ้น 96 ล้านบาท จากเดิมที่ต้องใช้งบชดเชย 150 ล้านบาท

ด้านนายอภิชาต จงสกุล เลขาฯ สศก. เผยว่า ในสัปดาห์นี้สมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์มและกระทรวงพาณิชย์จะเริ่มจัดสรรโควตา น้ำมันปาล์มในประเทศ 15,000 ตัน และน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์นำเข้า 30,000 ตัน ตามมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ให้แก่โรงกลั่นทั้ง 10 แห่ง โดยใช้เกณฑ์การจัดสรรตามประวัติการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบของโรงกลั่นแต่ละ แห่ง หากโรงกลั่นใดมีประวัติว่ารับซื้อน้ำมันปาล์มดิบมากจะได้รับจัดสรรโควตามาก หลังจากนั้นโรงกลั่นทุกรายจะต้องรายงานให้กรมการค้าภายในและกรมสอบสวนคดี พิเศษทราบความคืบหน้าว่า นำไปผลิตน้ำมันปาล์มสำเร็จรูปได้เท่าใด นอกจากนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยังสั่งการว่า ในอนาคตการส่งออกและนำเข้าจะต้องขออนุญาตจาก กนป.ทุกครั้ง เพื่อป้องกันน้ำมันปาล์มในประเทศขาดแคลนซ้ำ

ต่อมาเวลา 11.00 น. พ.อ.ชัชนันท์ เชื้ออำนาจ หัวหน้าส่วนสืบสวน สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินทางไปตรวจสอบการขายน้ำมันปาล์มในตลาดยิ่งเจริญ ห้างบิ๊กซี และห้างเทสโก้ โลตัส สาขาสะพานใหม่ แล้ว เปิดเผยว่า ในตลาดยิ่งเจริญไม่มีน้ำมันปาล์มขายเลย แต่ในซุปเปอร์ฯของตลาดยิ่งเจริญมีวางอยู่ 7 ลัง และอีก 132 ลัง ในสต๊อกเพื่อส่งให้พ่อค้าแม่ค้าที่จำหน่ายอาหารในตลาดยิ่งเจริญ ส่วนในห้างบิ๊กซีและห้างเทสโก้ โลตัส สาขาสะพานใหม่ พบว่ามีน้ำมันปาล์มยี่ห้อเกสรและหยกวางจำหน่ายในชั้นของห้างเต็ม ผลการตรวจสอบไม่พบการกักตุน แต่มีข้อสังเกตว่า ทำไมก่อนการประชุมคณะกรรมการปาล์มแห่งชาติ ในห้างไม่ค่อยมีวางจำหน่าย เมื่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ มีคำสั่งให้นำเข้าน้ำมันปาล์มอีก 3 หมื่นตัน บรรจุขวดฝาสีชมพูขาย เลยมีน้ำมันปาล์มในชั้นวางของห้างเต็มพรึบไปหมด
พ.ต.อ. ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนกรณีการกักตุน น้ำมันปาล์ม กล่าวว่า สำหรับโควตาน้ำมันปาล์มดิบที่นำเข้ามา 3 หมื่นตัน ดีเอสไอได้ตรวจสอบแล้วเป็นบันทึกข้อตกลงด้านการบริหารจัดการที่ทำกันแบบ หลวมๆจึงไม่มีผลพันธะทางกฎหมาย ขณะนี้ดีเอสไอเดินทางไปตรวจสอบบริษัทน้ำมันปาล์มแห่งที่ 9 ที่ได้รับโควตาในจังหวัดชุมพร และแห่งสุดท้ายในจังหวัดสุราษฎร์ธานี จะเข้าตรวจสอบในวันพฤหัสฯ คาดว่าอีก 2-3 วัน จะสรุปรายงานต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อเสนอนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต่อไป เบื้องต้นยังไม่พบการกักตุนน้ำมันปาล์ม

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานมูลนิธิไทยพึ่งไทย กล่าวว่า คนที่ต้องรับผิดชอบปัญหาน้ำมันปาล์มโดยตรงคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ในฐานะประธาน กนป. ที่ต้องควบคุมปริมาณความต้องการและการผลิตให้สมดุล ไม่ใช่โทษแต่กระทรวงพาณิชย์ฝ่ายเดียว ส่วนมติ กนป.ที่ออกมาเมื่อวันที่ 22 ก.พ. มองว่าไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น และไม่จำเป็นต้องนำเงินภาษีของประชาชนกว่า 200 ล้านไปจ่ายชดเชยอะไร เพราะในเดือน มี.ค. ปาล์มสดก็ออกมาตามฤดูกาล มีน้ำมันปาล์มออกมามากมายโดยไม่ใช่ฝีมือรัฐบาล แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องรีบแสดงฝีมือแก้ไขคือ การทำให้ราคาสินค้าที่ขึ้นราคาไปแล้วจากการปั่นราคาของรัฐบาลกลับมาอยู่ที่ เดิม ถึงจะแก้ความเดือดร้อนของประชาชนได้

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว ว่า การประชุมคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการทำงานรัฐบาล (คตร.) พรรคเพื่อไทย พูดถึงมติของคณะกรรมการนโยบายน้ำมันปาล์มแห่งชาติที่ออกมาล่าสุดว่าเป็นไป ตามคาด รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาให้ประชาชน ได้ แกล้งโง่เพื่อหาเงิน เป็นการทุจริตเชิงนโยบาย จงใจเอื้อประโยชน์ นอกจากนักการเมือง "ส.-พ.-อ." แล้ว ยังมี 5 เสือพ่อค้าที่คนในวงการน้ำมันปาล์มรู้จักกันดีอีกด้วย เรียกว่ารวยกันสะดือปลิ้น หลังคณะกรรมการชุดดังกล่าวมีมติออกมาแบบตั้งธงมาก่อน วันนี้ประชาชนผู้บริโภคน้ำมันปาล์มถูกหลอกทั่วประเทศ เป็นละครที่คนในรัฐบาลสร้างขึ้นหวังที่จะได้ทั้งเงินทั้งกล่อง วันนี้จากที่ทะเลาะกันก็เคลียร์กันจบ โดยประชาชนเป็นผู้รับกรรม เงินที่รัฐบาลเอาไปชดเชยก็คือภาษีของประชาชน เรียกว่า ครม.สวาปาล์มคอนเน็กชั่น

Thairath

Sponsor